ผู้ป่วยเบาหวานจะสูญเสียความรู้สึกในระดับที่แตกต่างกันอันเกิดจากการเสื่อมลงของปลายประสาทที่รับความรู้สึก ผู้ป่วยบางคนอาจเดินไปเตะถูกของแข็งจนเป็นแผลแล้วไม่รู้สึกเจ็บ บางคนอาจเดินไปเหยียบตะปูหรือของมีคมก็ไม่รู้สึกเจ็บ บางคนเดินๆไปรองเท้าหลุดไปจากเท้าแล้วก็ยังไม่รู้สึกหากปล่อยให้ผู้ป่วยเบาหวานเดินเท้าเปล่าต่อไปก็อาจทำให้เท้าเกิดบาดแผลขึ้นได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวานที่มีบาดแผลแล้วแผลจะหายช้าเนื่องจากการตีบตันของหลอดเลือดที่ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายได้โดยเฉพาะเท้า หลอดเลือดแดงเป็นเส้นทางที่ยาและอาหารถูกลำเลียงไปยังบริเวณที่เกิดบาดแผลและยังเป็นทางกำจัดของเสียจากบาดแผลอีกด้วย วิธีสังเกตว่าผู้ป่วยเบาหวานมีปัญหาเกิดขึ้นกับหลอดเลือดคือ อาการปวดขาขณะเดินและอาการนั้นจะหายไปเมื่อหยุดพักสักครู่หนึ่ง
สิ่งที่ผู้ป่วยเบาหวานควรให้ความระมัดระวังคือ อย่าเดินเท้าเปล่าโดยเด็ดขาดไม่ว่าจะอยู่ในบ้านก็ตามให้ใส่รองเท้าแตะขณะอยู่ในบ้านเพราะผู้ป่วยเบาหวานอาจเดินไปเหยียบเศษวัสดุต่างๆที่อาจทำให้เกิดแผลที่เท้าได้โดยไม่รู้ตัว การใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบขาหรือการแช่เท้าในน้ำอุ่นจัดๆของผู้ป่วยเบาหวานก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะปลายประสาทที่เสื่อมอาจทำให้ผู้ป่วยเบาหวานไม่รู้สึกตัวเมื่อถูกน้ำร้อนลวกจนเท้าพองและเป็นแผลได้
ผู้ป่วยเบาหวานควรงดจากการสูบบุหรี่เพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดลดลง เส้นเลือดจะอุดตันเนื่องจากการสูบบุหรี่ หากมีหนังแข็งหรือตาปลาเกิดขึ้นบริเวณเท้าไม่ควรตัดออกเองควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา เนื่องจากเท้าเป็นอวัยวะที่ต้องใช้เดินและสัมผัสกับพื้นตลอดเวลาจึงทำให้มีโอกาสที่จะเกิดบาดแผลได้มาก ผู้ป่วยเบาหวานควรหมั่นตรวจดูเท้าของตนเองเป็นประจำ อย่าปล่อยให้เกิดแผลกับเท้าได้โดยเด็ดขาดเพราะเป็นที่รู้กันดีว่าผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นแผลแล้วจะหายช้าและมีโอกาสติดเชื้อลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เลย.